วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559

เล่นหุ้น เริ่มอย่างไรให้ถูกวิธี EP3 เหตุที่ต้องหาทุนใน " ตลาดหลักทรัพย์ "

                    จากบทความตอนที่1 และ ตอนที่2 พูดถึงที่มาของตลาดหลักทรัพย์ หรือ ที่คนทั่วไปมักรู้จักในชื่อ ตลาดหุ้น  พูดถึงความจำเป็น ที่ต้องมี ตลาดหลักทรัพย์นั้น เพื่อเป็นการเพิ่มทุนให้กับ องค์กรธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ บทนี้จะอธิบายว่า ใคร คือ ผู้ที่เข้าไปเพิ่มทุน ให้ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์  โดยวิธีระดมทุน  จะเกิดต่อเมื่อ บุคคลทั่วไปนำเงินไปลงทุน ในกิจการชนิดใดชนิดหนึ่ง เราสามารถเรียกธุรกรรมประเภทนี้ว่า การขอซื้อหุ้น แล้วเหตุใด เจ้าของกิจการจึง ต้องขายหุ้นให้เรา นั้น เพราะ เรา คือบุคคลทั่วไปที่มองหาช่องทางในการลงทุนธุรกิจ  เนื่องจากทุกคนมีแนวคิดเริ่มต้นที่เหมือนกัน นั้นคือ ทำงานหาเงินมาลงทุนในกิจการประเภทใดประเภทหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ท้ายที่สุดทุกกิจการก็จะประสบปัญหาเดียวกันคือ ทุนไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน ซึ่งทำให้ธุรกิจประสบปัญหา หากทุกคนมองว่าควรจะใช้ความสามารถของเราคนเดียว เพื่อ บริหารกิจการ ด้วยต้นทุนที่เรามี   ในระยะยาวจะไม่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งที่จับมือกัน เพื่อระดมทุน และวิธีง่ายๆ ในการได้มาซึ่ง เงินทุนของธุรกิจ  คือ การขายหุ้น ขายความเป็นเจ้าของ ซึ่งผู้ที่เข้าไปซื้อหุ้นจะได้ส่วนแบ่งปันผลจากอัตราการถือหุ้นของกิจการนั้นๆ สถานที่สำคัญในการระดมทุน คือ ตลาดหลักทรัพย์ ที่เปิดให้มีการซื้อขายหุ้นโดยที่ไม่ต้องกังวลถึงความเสี่ยงในการถูกโกงเงินทุน และ เพิ่มความมั่นใจว่าเราจะได้กำไรจากการปันผลเมื่อธุรกิจมีกำไรอย่างแน่นอน ได้รับการปกป้องคุ้มครองสิทธิด้วยกฎหมาย จากการร่วมมือกันในแต่ละครั้งของโลกธุรกิจ จะต้องมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง  เราไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าเจ้าของกิจการที่นำเงินเราไปจะจ่ายผลตอบแทนให้กับเราหรือไม่ จึงเป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถ เชื่อคำพูดของใครได้ เนื่องจากมีกรณีการขัดผลประโยชน์หรือ เจ้าของกิจการมีกำไรแล้วไม่จ่ายเงินปันผลเกิดขึ้นเป็นประจำ ทำให้ผู้ลงทุนมีความเสี่ยงสูง จึงมีการจัดต้งตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเพิ่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ลงทุน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถูกเจ้าของกิจการหลอก ด้วยวิธีการที่ถูกเรียกว่า การปั่นราคาหุ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนหลงทางในการซื้อขายหุ้น   นักลงทุนหรือที่ทั่วไปเรียกว่า นักเล่นหุ้นเ ก่อนจะทำการซื้อขายหุ้น จะต้องทำการค้นคว้าหาข้อมุลต่างๆ ของธุรกิจที่เราสนใจ  จากแหล่งข่าวที่ชื่อถือได้และ คอยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เมื่อได้ความรู้มา จึงทำการวิเคราะห์ถึงราคาหุ้นของกิจการน้้น  ทำให้สามารถ ลดอัตราเสี่ยงจาก 100 %    เป็น          50 : 50  หลังจากนั้นนำมาใช้กับหลักการวิเคราะห์ราคาหุ้น สิ่งเหล่านี้ มีการสอนในภาคทฤษฎี ทำให้ความเสี่ยงลดลงมาอยู่ที่ 70 : 30 ในเวลาที่ผู้ลงทุนตัดสินใจซื้อหุ้น คือ ช่วงจังหวะที่แน่ใจว่ามีความเสี่ยงน้อยที่สุด และ หากเป็นไปตามที่ ผู้ลงทุนคาดการไว้ก็จะสร้างกำไรเป็นจำนวนมาก  แต่ ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอ  ถ้าลอง วิเคราะห์กันว่าสาเหตุที่ ผู้ลงทุนตัดสินใจลงทุนผิดพลาดเกิดจากสาเหตุใด ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง   ข้อมูลและทฤษฎีที่ ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์หุ้นนั้น ล้วนมาจากแหล่งข้อมูลเดียวกันด้วยการตั้งค่าให้มีมุมมองของความคิดให้ออกมาในรูปแบบเดียวกัน ในขณะที่ผู้ลงทุนใช้ทฤษฎีนี้ในการวิเคราห์ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ เจ้าของธุรกิจก็ใช้ทฤษฎีเดียวกันนี้ในการขายหุ้นให้กับนักลงทุน จึงเป็นเหตุให้นักลงทุนประสบปัญหาในการเล่นหุ้น เนื่องจากเจ้าของกิจการก็ใช้ทฤษฎีเดียวกันนี้ชี้นำ ในการคำนวนราคา ซื้อขาย หุ้นและ เจ้าของกิจการมีหลักทรัพย์มากกว่านักลงทุนรายเดียวหลายเท่านัก จึงทำให้ นักลงทุนไม่สามารถวิเคราะห์ราคาต่ำสุด ที่ควรเข้าซื้อและขายออกตามความเป็นจริงจากข้อมูลและทฤษฎีที่ได้เรียนรู้มา เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลราคาหุ้นในตลาดได้ ซึ่งเรียกว่าการปั่นหุ้นทำให้เกิดเหตุการณ์ ติดยอดดอยให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ หากใช้หลักการ วิเคราะห์ข้อมูลราคาหุ้นที่อยู่ในช่วงขาขึ้นแล้วเข้าซื้อก็จะประสบปัญหาติดยอดดอย แต่ถ้ามองกลับกันวิเคราะห์ในช่วงตลาดขาลงให้ราคาของหุ้น ติดลบแล้วทำการเข้าซื้อในที่ราคาต่ำสุดก็คงไม่มีใครบ่นว่าประสบปัญหาในการติดบ่อทรายดูด เนื่องจากในขณะที่กิจการเกิดสภาวะวิกฤตต่าง ๆ เจ้าของกิจการต้องการทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาหุ้นถูกลง แต่ผู้ลงทุนกลับคิดว่า มีความเสี่ยงมากกว่า แต่นั้นคือปัญหาของเจ้าของธุรกิจไม่ใช้ปัญหาของนักลงทุน นักลงทุนที่ดีต้องซื้อสินค้าในขณะที่สินค้ามีราคาต่ำกว่าราคาท้องตลาด เพื่อทำกำไรให้ได้มากที่สุด และ สินค้าที่ทำการซื้อขายกัน คือ จำนวนหุ้น ไม่จำเป็นต้องมองว่าธุรกิจกำลังแย่จะทำให้เราขาดทุน เราจะขาดทุนก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจดีหุ้นมีราคาสูง ต้องซื้อในราคาที่สูงกว่ามูลค่าจริงของหุ้นเ นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจการของหุ้นที่เราซื้อ มากจนเกินไปจนลืมนึกไปว่าสิ่งที่เราลงทุนซื้อมานั้นคือปริมาณหุ้นตามจำนวนทุนของเราทฤษฎีของนักการตลาดที่ดีต้องทำการขายในราคาแพงและซื้อในราคาที่คาดการณ์ว่าต่ำที่สุด สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเกิดจากความคิดว่าเราเป็นเจ้าของกิจการต้องขายหุ้นถ้าธุรกิจไม่ดี แต่นักลงทุนที่ดีจะต้องทำการเข้าซื้อในเวลาที่กิจการกำลังประสบปัญหาในภาวะขาดทุนทำให้สามารถเข้าซื้อในราคาที่ถูกกว่ามูลค่าได้  ให้ทุกคนลองสมมุติว่า ตลาดหลักทรัพย์ที่ขายหุ้นกัน คือ ตลาดนัดข้างบ้าน คุณคิดว่าใครคือผู้ที่กำหนดราคาของสินค้าในตลาด แน่นอนย่อมเป็นเจ้าของสินค้าและเจ้าของตลาดในขณะที่เจ้าของสินค้ามีส่วนการถือหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เรามีความสงสัยว่าข้อมูลที่ออกมาจากตลาดทำออกมาเพื่อใคร ยังมีเรื่องของหลักสูตรต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลของราคาหุ้นในแต่ละวัน จัดทำมาเพื่อเราจริงหรือ แท้ที่จริงแล้วเป็นประโยชน์กับฝ่ายใหนมากกว่ากัน การจะเอาตัวรอดในตลาดหุ้นนั้น คุณต้องมีทักษะ หัวใจของนักการตลาด  มองด้วยสายตาของนักบัญชี  คิดด้วยสมองของนักลงทุน  และ ใช้ทฤษฎีที่ถูกต้องวิเคราะห์คาดเดาราคาหุ้น เพื่อซื้อขาย ให้ได้กำไร  หากสามารถทำได้ตามที่แนะนำคุณก็จะสำเร็จหลักสูตรสำหรับกุนซือในตลาดหุ้นได้อย่างแน่นอน  และ นี้คือตลาดหุ้น สนามรบของนักธุรกิจ สิ่งที่พวกเรากำลังสู้อยู่นี้คือการรวมกลุ่มเข้าด้วยกันของนักลงทุน  ถูกคิดระบบขึ้นมาเพื่อระดมทุนจากพวกเรา แล้วสิ่งที่เราทำ เรากำลังใช้พลังที่น้อยกว่าของคนเพียงคนเดียวสู้กับกองทัพที่มีจำนวนมากกว่าเรา เราขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าหากต้องการความสำเร็จที่แท้จริง จะต้องไม่ถูกนักลงทุนจูงความคิด

ไม่มีความคิดเห็น: